Design a site like this with WordPress.com
เริ่มได้

ฝ่ายซ้ายต้องสร้างแนวร่วมกับขบวนการเคลื่อนไหว GLBTQ

เรียบเรียง มาลัย อิสรา

เมื่อพูดถึง GLBTQ หรือพวกเกย์ ตุ๊ด ทอม ดี้ กระเทย สาวประเภทสอง คนรักเพศเดียวกัน และคนข้ามเพศ ที่สังคมเก่าเรียกกัน อดีตฝ่ายซ้าย พวกสหายเก่า หรือผู้ที่เรียกตัวเองว่า “นักสังคมนิยม” ในไทยมักจะมองว่าเป็นเรื่องไม่สลักสำคัญอะไร ต้องเอาเรื่องการเมืองเรื่องประชาธิปไตย “เรื่องใหญ่ๆ” มาก่อน เรื่องเกย์ตุ๊ดหรือแม้แต่การต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนด้านสตรีในการเมืองเรื่องเพศถือว่าเป็นเรื่องเล็กเป็นเรื่องกระจอก หากสังคมเปลี่ยนแปลงไปแล้วหรือปฏิวัติแล้วค่อยมาว่ากัน นั่นหมายความว่า…พวกเขาไม่รู้เลยว่า การต่อสู้ของ GLBTQ นี้พัฒนามาพร้อมกับการต่อสู้เพื่อสังคมนิยม การเคลื่อนไหวเพื่อเสรีภาพทางเพศ และการปลดแอกเกย์ เป็นประวัติศาสตร์เดียวกันกับประวัติศาสตร์สังคมนิยม

ย้อนหลังกลับไปในปลายศตวรรษที่ 19 การต่อสู้เพื่อสิทธิเกย์ในยุโรป() เกิดขึ้นในประเทศเยอรมัน ผ่านยุคสาธารณรัฐไวมาร์จนถึงช่วง ค.ศ.1920 การเมืองของเกย์เป็นส่วนสำคัญของยุคสมัยและขบวนการสังคมนิยมเยอรมัน มีบทบาทชี้ขาดในการต่อสู้เพื่อสิทธิของเกย์ ขณะที่พรรคสังคมนิยมเยอรมัน (SPD* – Social Democratic Party of Germany) พัฒนามาเป็นพรรคมาร์คซิสต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และได้สร้างสรรค์กิจกรรมอันหลากหลายทั้งทางวัฒนธรรม สังคม และทางการเมือง

การจัดตั้งศูนย์กลางการต่อสู้ของชาวเกย์ คือธงแห่งศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

การรักเพศเดียวกันในหมู่ผู้ชายในเยอรมัน ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายตั้งแต่ ค.ศ.1860 แต่ 37 ปีต่อมาคือในปี ค.ศ.1897 หมอก้าวหน้าคนหนึ่งชื่อ แมกนัส ไฮเฟลด์ (Magnus Hirschfeld) ได้ตั้ง คณะกรรมการมนุษยธรรมวิทยาศาสตร์ ขึ้นมา ซึ่งมีการรณรงค์ให้แก้กฎหมาย และจัดตั้งศูนย์กลางการต่อสู้ของชาวเกย์ขึ้นอย่างมั่นคงจนถึงปี ค.ศ.1930 โดยการรณรงค์ของศูนย์นี้อาศัยแรงสนับสนุนจากพรรค SPD หมอไฮเฟลด์ มองว่าชาวเกย์เหล่านี้ไม่ควรจะถูกลงโทษเพราะเป็นเรื่องปกติตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดมาพร้อมกับมนุษย์นับพันๆปี พรรค SPD เป็นพรรคเดียวที่ผลักดันการปฏิรูปการเมืองสำหรับเกย์ในรัฐสภา หนังสือพิมพ์ของพรรคหลายฉบับเข้าร่วมในการรณรงค์โดยมีบทความเกี่ยวกับประเด็นทางเพศที่เสนอว่า “ศีลธรรมทางเพศเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย” และพรรคสามารถล่ารายชื่อเพื่อแก้ไขกฎหมายให้ยกเลิกการลงโทษเกย์ในสภาเยอรมันได้สำเร็จในปี ค.ศ.1898

ในปี ค.ศ.1917 พรรค SPD แตกเป็นสองเสี่ยง ในประเด็นการสนับสนุนหรือคัดค้านสงครามโลกครั้งที่ 1 ซีกส่วนใหญ่ของพรรคที่สนับสนุนสงครามกลายเป็นพรรคสังคมนิยมอนุรักษ์นิยมที่เน้นการปฏิรูป ส่วนซีกก้าวหน้าสุดที่คัดค้านสงครามและผลักดันการปฏิวัติได้แสดงจุดยืนสนับสนุนการปฏิวัติรัสเซีย และพัฒนามาเป็นพรรคคอมมิวนิสต์เยอรมันในที่สุด นโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์เยอรมัน คือ เสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างถอนรากถอนโคน ซึ่งรวมไปถึงการปลดแอกเกย์ด้วย

หมอไฮเฟลด์ ได้ก่อตั้งสถาบันวิทยาศาสตร์ทางเพศในกรุงเบอร์ลิน ยุคนี้เป็นยุคของสาธารณรัฐไวมาร์ ที่มีวัฒนธรรมของเกย์ที่รุ่งเรืองที่สุด ภายในพรรคคอมมิวนิสต์มีการถกเถียงกันอย่างตื่นเต้นเกี่ยวกับวิธีการใหม่ที่มนุษย์จะอยู่ด้วยกัน เวลแฮม ไรช์ (Wilhelm Reich) ลูกศิษย์ของ ซิกมัน ฟรอยด์ (Sigmund Freud) ก็สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ด้วย และเสนอว่า “ เราต้องปลดปล่อยตัวเองจากความคิดของชนชั้นนายทุนทุกประเภทรวมถึงการเก็บกดทางเพศ ” พรรคคอมมิวนิสต์จึงกลายเป็นศูนย์กลางการแสวงหารูปแบบใหม่ของสังคม แต่ไม่นานหลังจากสตาลินขึ้นมามีอำนาจในรัสเซียและพวกนาซียึดอำนาจในเยอรมันได้ ทั้งขบวนการเกย์และขบวนการสังคมนิยมถูกปราบปรามอย่างรุนแรง ในปี ค.ศ.1933 ฮิตเลอร์สั่งให้เผาสถาบันวิทยาศาสตร์ทางเพศของ ไฮเฟลด์ จับชาวเกย์ นักสังคมนิยม นักสหภาพแรงงาน และชาวยิวไปขังคุกในค่ายกักกัน ขบวนการคอมมิวนิสต์ภายหลังการขึ้นมามีอำนาจของสตาลินเริ่มมองว่าการรักเพศเดียวกันเป็นเรื่องวิปริตผิดปกติ เช่นเดียวกับคอมมิวนิสต์สายเหมาอิสม์ทั่วโลก

รูปแบบการเคลื่อนไหวของ NGO : อุปสรรคต่อการรวมพลังภาคประชาชน

สำหรับขบวนการต่อสู้ในประเทศไทย GLBTQ นับเป็นส่วนหนึ่งที่ดำเนินการโดยองค์กรพัฒนาเอกชน หรือ NGO ซึ่งมุ่งปัญหาเฉพาะส่วน โดยไม่เชื่อมโยงกับการต่อสู้ทางการเมืองอย่างชัดเจน พัฒนาการของขบวนการ NGO จะมุ่งเคลื่อนไหวแค่ประเด็นเฉพาะหน้าของตัวเอง อย่างเช่น การเคลื่อนไหวเรื่องประเด็นสัญชาติ เรื่องการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากร การเรียกร้องสิทธิของคนพิการ หรือแม้กระทั่งชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางเสียงในโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ โดยแยกส่วนตามกลุ่มปัญหา ทั้งๆที่ประเด็นร่วมกันอยู่ที่ขาดการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในนโยบายของรัฐ การเชื่อมโยงกับการเมืองและการรณรงค์ปฏิรูปการเมืองจะเป็นการเพิ่มอำนาจให้กับคนชั้นล่างได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และกำหนดพื้นที่ กำหนดบทบาท กำหนดชีวิตของตนเองได้ รูปแบบเครือข่าย NGO ทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทยมีการแยกย่อยออกมาเป็นองค์กรเล็ก องค์กรน้อย นี่เป็นอุปสรรคต่อการรวมพลังภาคประชาชน แม้จะมีความพยายามจัดงานสมัชชาสังคมไทย เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2549 ภายหลังการรัฐประหาร 19 กันยา มาครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งปรากฏว่า ในระดับโลกการจัด World Social Forum ซึ่งเป็นต้นแบบการจัดงานในไทย ก็มีอันต้องยุติไปและไม่มีการสานต่ออีก

หากสังเกตให้ดีในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา รัฐไทยใช้ NGO เป็นเครื่องมือเพื่อการเยียวยาสังคมในราคาถูก โดยหันมาให้ทุนสนับสนุนและพยายามเข้าไปร่วมจัดตั้ง เข้าไปแทรกแซงไปต่อยอด ไปตัดหัว ช่วงชิงการเข้าไปบริหารจัดการโดยคนของรัฐ โดยเน้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เบี่ยงเบนให้การขับเคลื่อนของ NGO หลีกห่างจากประเด็นทางการเมือง ซึ่งเท่ากับช่วยยืดอายุรัฐบาลในระบบทุนนิยม นั่นหมายถึงสิ่งที่ อันโตนิโย กรัมชีนักมาร์คซิสต์ชาวอิตาเลียนเคยพูดไว้ว่า บรรดา NGOเหล่านี้ กำลังสร้าง “หลุมเพลาะ” ปกป้องรัฐและช่วยพยุงความเสื่อมโทรมของระบบไว้ให้ดำรงคงอยู่ต่อไป

ฝ่ายซ้ายต้องสู้กับจารีตประเพณีที่คับแคบในเรื่องเพศ

ในรูปธรรมพวกจารีตนิยมพยายามกล่อมเกลาให้คิดว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องสกปรกน่าอาย และมีลักษณะตายตัวระหว่างหญิงกับชายเท่านั้น แทนที่จะมองว่ามันเป็นความต้องการพื้นฐานตามธรรมชาติของมนุษย์ การมีเพศสัมพันธ์ที่แตกต่างหลากหลายกลับกลายเป็นเรื่องวิปริต ชนชั้นปกครองไทยโกหกเราเสมอว่าเขาต้องการปกป้อง “ประเพณีและศีลธรรมอันดีงามของไทย” จาก “อิทธิพลตะวันตก” มี การสร้างภาพเท็จว่าสังคมตะวันตกบ้าเซ็กส์ มั่วกาม วิปริตในเรื่องเพศ การดูหมิ่น ดูถูกเกย์ และละเมิดสิทธิความหลากหลายทางเพศล้วนเป็นการโฆษณามาจากรัฐและองค์กรของรัฐ ขณะเดียวกันชนชั้นปกครองก็สั่งสอนให้เรา “ต้องดำเนินรอยตามจริยธรรมของพวกชนชั้นสูง” ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นคำถามที่กลับไปทิ่มแทงชนชั้นนำเอง

ในความเป็นจริงรัฐทุนนิยมจะพยายามรักษาระบบกรรมสิทธิ์เอกชนไว้ ผ่านการสถาปนาครอบครัวให้มีความสำคัญจนเกินจริง โดยกำหนดจารีตประเพณีการแต่งงานและระบบครอบครัวในรูปแบบที่เห็นกันอยู่ ส่วนหนึ่งก็เพื่อการสืบตระกูล สืบทายาท และคงการรับมรดกจากรุ่นสู่รุ่น ปกป้องทรัพย์สินของนายทุน คนร่ำรวยที่ปล้นสะดมมาจากผู้ใช้แรงงาน ส่วนคนธรรมดาสามัญชนอาจหวังว่าครอบครัวเป็นแหล่งพึ่งพิงอันอบอุ่น คนธรรมดามักจะรักสมาชิกในครอบครัวตนเอง แต่ระบบทุนนิยมใช้สถาบันครอบครัวเป็นเครื่องมือเลี้ยงลูก เพื่อที่จะใช้เป็นแรงงานอนาคตในราคาถูก กฎระเบียบต่างๆ ที่พยายามควบคุมพฤติกรรมทางเพศของคนธรรมดา ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างระเบียบวินัยของครอบครัวดังกล่าว ทำให้ภาระการเลี้ยงลูกเป็นเรื่องของปัจเจกแทนที่สังคมโดยรวมและรัฐจะช่วยกันแบกรับภาระนี้ไว้

การรักเพศเดียวกันเป็นเรื่องปกติธรรมชาติในทุกสังคม

จากการทำวิจัยโดยสมาคมทางการแพทย์ในประเทศอเมริกา ระหว่างปี ค.ศ.1980-ค.ศ.1990 พบว่าการมีเพศสัมพันธ์นอกกรอบจารีตเกิดขึ้นตลอดเวลา ในทุกระดับชนชั้น การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน โดยการทำเป็นกิจวัตร หรือเคยทดลองทำมากกว่า 1 ครั้ง มีมากถึงกว่าร้อยละ 70 ของแบบสำรวจ คนที่มีเพศสัมพันธ์เฉพาะกับเพศตรงกันข้ามกลายเป็นคนส่วนน้อยในสังคม สำหรับประเทศไทยคาดว่าประมาณ ร้อยละ 35-40 ของประชากรมีรสนิยมแบบนี้ ในทุกระดับฐานะทางสังคม แม้แต่ผู้นำทางการเมืองระดับประเทศ และนายพลชั้นสูงบางคนก็รักเพศเดียวกัน แต่ในระบบทุนนิยมมักมีการมองว่าพฤติกรรมรักเพศเดียวกันเป็นเรื่อง “ผิดบาป” สาเหตุหลักคือมันไม่ช่วยสนับสนุนจารีตและวินัยของครอบครัวที่พวกอนุรักษ์นิยมผลักดัน เพราะครอบครัวรูปแบบนี้ “ต้องมี” พ่อกับแม่ ชายกับหญิง ดังนั้นแนวจารีตนิยมจะพยายามอธิบายว่าหากชายฆ่าชายในสงครามย่อมมีศักดิ์ศรี แต่ชายกอดจูบแสดงความรักต่อชายเป็นเรื่องสกปรก

ในมิติระยะยาวฝ่ายซ้ายควรเปลี่ยนฐานคิดเสียใหม่ สร้างความรับรู้ใหม่ว่าทุนนิยมบิดเบือนและทำลายความงดงามของความเป็นมนุษย์ในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะในการทำให้ทุกอย่างกลายเป็นสินค้า รวมถึงความรักหรือเรือนร่างของมนุษย์ด้วย ดังนั้นในสังคมใหม่ที่เราต้องการสร้างจะไม่มีการซื้อขายทางเพศ จะไม่มีการใช้เรือนร่างมนุษย์ในการโฆษนาสินค้า แต่เราจะเปิดกว้างในเรื่องเพศสัมพันธ์ กรอบการแต่งงาน ยืนอยู่ข้างคนที่ถูกรังแก เหยียดหยาม เรียกร้องความเท่าเทียม ซึ่งรวมไปถึงสิทธิเสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ในการเลือกวิถีชีวิตทางเพศด้วย เพื่อหลุดจากกรอบศีลธรรมจอมปลอมคับแคบของชนชั้นปกครองที่ใช้แนวจารีตนิยม มาตอบสนองการกอบโกยกำไรของกลุ่มทุนและการควบคุมประชาชนภายใต้แนวคิดเผด็จการ

สรุปแล้วประเด็นเรื่องสิทธิทางเพศเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ถูกละเลยในภาคประชาชนไทยมานานแล้ว คนรุ่นใหม่ในขบวนการภาคประชาชนที่เปิดกว้าง หรือ กลุ่มหลากหลายทางเพศเอง คงไม่พอใจที่จะประนีประนอมกับสังคมจารีตคับแคบนี้อีกต่อไป หน้าที่ของฝ่ายซ้าย คือการสนับสนุนการต่อสู้ของขบวนการ GLBTQ อย่างเต็มที่ ต้องเข้าถึงการเมืองเรื่องเพศ และต้องสนับสนุนสิทธิสตรี สิทธิเกย์ หลากหลายทางเพศรวมถึงสิทธิของผู้ให้บริการทางเพศทุกรูปแบบ สิทธิการหาความสุขทางเพศที่ไม่ต้องให้ชนชั้นนำมากำหนด

และที่สำคัญเราต้องเปิดศึกทางความคิดกับแนวจารีตนิยม และวัฒนธรรมศักดินาที่ตกค้างซึ่งควบคุมสังคมไทย ในขณะเดียวกันต้องเชื่อมโยงปัญหาของคนรักเพศเดียวกัน เข้ากับปัญหาชาวมุสลิมในภาคใต้ ปัญหากรรมาชีพในโรงงาน ปัญหาเกษตรกรยากจน หรือปัญหาชนเผ่า ประชาชนส่วนใหญ่ในระบบทุนนิยมล้วนถูกกดขี่ครอบงำ หากเรามองแบบองค์รวมไม่แยกส่วน ร่วมกันสู้ในทุกๆเรื่อง ทุกๆด้านเราจะสร้างโลกใบใหม่ได้

  • ถอดความจากประวัติการเคลื่อนไหวของเกย์ โดย Noel Halifax แปลจาก หนังสือพิมพ์ Socialist Workers Feb, 2019
    ** The Social Democratic Party of Germany (German: Sozialdemokratische Partei Deutschlands,
    The SPD was established in 1863, and is the oldest political party represented in the Bundestag. It was one of the earliest Marxist-influenced parties in the world. From the 1890s through the early 20th century, the SPD was Europe’s largest Marxist party
    Renewed in 2017, The SPD is a member of 11 of the 16 German state governments and is a leading partner in seven of them. It won the most seats at the 2021 federal election though no new government, with or without the party’s participation, has yet been established.

****************

ถ้าเห็นด้วยกับแนวของเราเชิญสมัครสมาชิก https://forms.gle/2apcTWX7sB9YCVhU6


ถ้าเห็นด้วยกับแนวทาง “องค์กรสังคมนิยมแรงงาน” เชิญสมัครสมาชิก

บทความอื่น ๆ 

Create a website or blog at WordPress.com