โดย รส เสาวลักษณ์ คอลัมน์ อิสครา
ในรอบ ๑๐ ปีมานี้ เราจะพบว่ารัฐใช้ศาลเป็นเครื่องมือในการปราบปรามประชาชนอย่างหนักหน่วง และใช้ศาลรัฐธรรมนูญในการกำจัดคู่แข่งทางการเมืองเพื่อกรุยทางไปสู่อำนาจให้กับพวกอนุรักษ์นิยม ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน อนาคตใหม่ และโดยเฉพาะล่าสุดมีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการชุมนุมเมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๓ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ว่าเป็นการชุมนุมที่ต้องการล้มล้างการปกครอง ทั้งๆ ที่ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมเป็นการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานในฐานะเป็นมนุษย์ที่ต้องการออกแบบการปกครองของประเทศ และต้องการให้สถาบันกษัตริย์ปรับตัว
ภายหลังจากการชุมนุมเมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๓ กระแสการตื่นตัวทางการเมืองของคนหนุ่มสาวพุ่งสูงขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องความต้องการให้มีการปฎิรูปสถาบันกษัตริย์ และในขณะเดียวกันรัฐก็ระดมสรรพกำลังทุกทางในการกดขี่คนหนุ่มสาว โดยเฉพาะการใช้มาตรา ๑๑๒ ปิดปากคนหนุ่มสาวและผู้ประท้วงไม่ให้พูดเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประชาชนที่ถูกรัฐดำเนินคดีมาตรา ๑๑๒ พบว่า มีผู้ถูกดำเนินคดีจากการแสดงออกและการชุมนุมทางการเมืองในข้อหาตามมาตรา ๑๑๒ แล้วทั้งสิ้นอย่างน้อย ๑๖๔ คน ใน ๑๖๘ คดี (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๔) ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีจำนวนสูงมาก มันสะท้อนให้เห็นว่า รัฐไม่ต้องการให้คนพูดเกี่ยวกับปัญหาสถาบันกษัตริย์ที่ส่งผลต่อสังคมไทย
การที่รัฐจะปราบปรามประชาชนได้พวกเขาต้องมีองค์กรของพวกเขาในการควบคุมและปราบปรามประชาชน ซึ่งจะเป็นองค์กรอื่นใดไม่ได้นอกจาก ตำรวจ ศาล และคุก โดยพวกเขาออกกฎหมายมาบังคับให้พวกเราต้องปฎิบัติตาม และถ้าไม่ทำตามพวกเขาก็จะมีเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการตลอด ๒๔ ชั่วโมงในการดำเนินคดีกับเรา และเพื่อหลอกลวงพวกเราว่ารัฐเป็นกลางและพร้อมจะให้หลักประกันทุกคนในการต่อสู้คดี พวกเขาก็ตั้งองค์กรศาลเข้ามาพิจารณาคดีกับพวกเรา ให้มีทนายความในการแก้ต่าง (ในความเป็นจริงพวกเขาคงไม่อยากให้มีสิ่งนี้) โดยบอกว่าพวกเรามีสิทธิในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ !!!!!!! นี่คือการโกหกคำโตและหลอกลวงชนิดอย่างไม่ให้อภัยกันได้
เองเกิลส์ เสนอว่า รัฐ คือ “กำลังปราบปรามพิเศษ” การกล่าวเช่นนี้นับว่าถูกต้องอย่างยิ่ง เพราะปรากฎการณ์ที่เราเห็นจะพบว่า รัฐ มีองค์กร ศาล คุก ตำรวจ เป็นเครื่องมือเพื่อปราบปรามและกดขี่พวกเรา
หลายคนอาจจะเชื่อว่า ศาล ตำรวจ มีความเป็นกลางในการทำงาน แต่ถ้าพิจารณาอย่างถ่องแท้แล้ว ศาล ตำรวจ ไม่ได้มีความเป็นกลางอย่างที่พวกเขาพยายามบอกเรา เพราะอะไร? เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถเป็นกลางได้เนื่องจากพวกเขามีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ให้กับนายทุน โดยพวกเขาต้องรักษากฎหมายของชนชั้นปกครองเพื่อชนชั้นปกครอง ซึ่งรูปธรรมในเมืองไทยมีอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น การใช้มาตรา ๑๑๒ ในการรักษาผลประโยชน์ให้แก่ชนชั้นปกครอง และปิดปากไม่ให้วิจารณ์ชนชั้นปกครอง ตัวอย่างล่าสุดคือ การบอกว่าการกระทำของคนหนุ่มสาวคือการล้มล้างการปกครอง นี่คือการปล้นเสรีภาพไปจากพวกเราอย่างหน้าด้านๆ ปราศจากความละอายแก่ใจใดๆทั้งสิ้น และทำโดยเปิดเผย หลายคนคงทราบดีว่าระบบเผด็จการนายทุนได้วางข้อกำหนดของพวกเขาไว้ว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐให้ต้องปฏิบัติตาม ในทางรูปธรรมหมายความว่า นับแต่นี้ต่อไปเผด็จการทุนนิยมจะไม่ยอมให้คนไทยมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นใดๆ ทั้งสิ้น และเสรีภาพที่ชนชั้นปกครองยื่นให้แก่พวกเราก็เป็นเพียงการเล่นตลกของเสรีภาพเท่านั้น
วิธีการเอาชนะเผด็จการทุนนิยม
ในรอบหลายปี คนหนุ่มสาวและประชาชนไม่เคยย่อท้อในการต่อสู้กับเผด็จการ ผู้รักประชาธิปไตยได้เข้าร่วมในการชุมนุมประท้วงเป็นจำนวนมาก และต่อเนื่องกันแทบจะไม่ขาดสาย บางช่วงอาจจะมีอ่อนแรงบ้าง และบ้างช่วงกระแสการต่อสู้ก็ขึ้นสูง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรพวกเราก็ไม่สามารถชนะเผด็จการนายทุนได้ และทุกคนต่างก็ตั้งคำถามว่า แล้วเราจะชนะเผด็จการนายทุนได้ด้วยวิธีไหนและเมื่อไหร่
ผู้เขียนก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่า เราจะชนะเผด็จการนายทุนได้เมื่อไหร่ แต่ผู้เขียนเชื่อว่า ประเทศไทยเป็นประเทศทุนนิยม มีนายทุนเป็นผู้ควบคุมปัจจัยการผลิต มีชนชั้นแรงงานเป็นผู้ทำการผลิตสินค้าหรือบริการ กล่าวง่ายๆ คือมีแรงงานเป็นผู้ทำงานและสร้างผลกำไรให้แก่เผด็จการนายทุน ถ้าเราอยากชนะเผด็จการทุนนิยมให้ได้ เราจะต้องทำลายหัวใจของระบบทุนนิยมให้ได้นั่นคือการทำลายระบบการผลิตของทุนนิยมซึ่งก็คือการนัดหยุดงานทางการเมือง แต่การนัดหยุดงานทางการเมืองจะเกิดขึ้นลอยๆ ไม่ได้ มันจะต้องมีองค์การทางการเมืองไปกระตุ้นเพื่อสร้างจิตสำนึกทางชนชั้นแรงงาน ซึ่งก็คือชนชั้นแรงงานต้องมีพรรคปฏิวัติของชนชั้นแรงงาน
พรรคปฎิวัติของชนชั้นแรงงาน จะต้องเริ่มต้นจากชนชั้นแรงงานซึ่งเป็นกองกำลังหลัก ชนชั้นแรงงานคือผู้ไร้ปัจจัยการผลิต ทำงานเป็นลูกจ้างในภาคอุตสาหกรรม เกษตร บริการ คนงานในโรงงาน และคำทำงานในสำนักงานหรือสถานประกอบการต่างๆ และชนชั้นแรงงานจะต้องติดอาวุธความคิดลัทธิมาร์กซ ทำการเผยแพร่ความคิดลัทธิมาร์กซ ผ่านสื่อต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ สิ่งพิมพ์ของพรรค และมีการจัดกลุ่มศึกษาทางการเมือง เพื่อฝึกฝนสมาชิกในการนำเสนอหัวข้อศึกษาต่างๆ
ถ้าเราเริ่มต้นสร้างพรรคปฏิวัติของชนชั้นแรงงานได้เร็วเท่าไหร่ เราก็จะสามารถเริ่มนับหนึ่งได้เร็ววันยิ่งขึ้น
**************
ถ้าเห็นด้วยกับแนวทาง “องค์กรสังคมนิยมแรงงาน” เชิญสมัครสมาชิก https://forms.gle/2apcTWX7sB9YCVhU6