Design a site like this with WordPress.com
เริ่มได้

ชัชชาติกับนโยบายลดโลกร้อน

โดย รส เสาวลักษณ์

กรุงเทพมหานคร มีการเลือกตั้งผู้ว่าและสมาชิกสภาเขต (สก.) ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๖ เป็นที่น่ายินดีที่คนกรุงเทพจะได้เลือกตั้งผู้บริหารของของตนเองในรอบเกือบ ๑๐ ปี การเลือกตั้งในครั้งนี้จึงมีความสำคัญเพราะ กทม. เป็นเมืองใหญ่มีชนชั้นกรรมาชีพอยู่อาศัยเป็นจำนวนหลายล้านคน และกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาสภาพอากาศแปรปรวนจนทำให้ฤดูกาลไม่เป็นตามวงรอบกรุงเทพฯ ต้องเผชิญกับปัญหาโลกร้อนเป็นอย่างมาก ปัญหาโลกร้อนยังเชื่อมโยงกับวิกฤตฝุ่นละออง PM 2.5 ทำให้ผู้อยู่อาศัยไม่ได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สำนักงานข่าวต่างประเทศเคยรายการว่า ชาวต่างประเทศปฎิเสธที่จะมาทำงานในกรุงเทพมหานคร เนื่องจากปัญหาสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่พวกเราซึ่งต้องอาศัยอยูในกรุงเทพเพื่อการดำรงชีพก็ต้องทนอยู่กับภาวะเหล่านี้ นอกจากนี้แล้วกรุงเทพมหานครยังถูกจัดอันดับว่าเป็นที่มีอากาศแย่ติดใน ๑๐ อันดับแรกของโลก นโยบายของผู้สมัครที่จะทำให้มีกรุงเทพมีอากาศบริสุทธิ์ และเป็นเมืองที่น่าอยู่ จะต้องอยู่ในความสนใจของพวกเราเพราะมันส่งผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินชีวิตของพวกเรา

ภาวะโลกร้อนซึ่งกำลังเป็นประเด็นสำคัญที่พวกเราต้องจับตามมองกันให้อย่างใกล้ชิดเพราะถ้าหากไม่สามารถแก้ปัญหาโลกร้อนได้มันจะส่งผลกระทบต่อชีวิตคนจนมาก ปัญหาโลกร้อนเกิดจากการสะสมก๊าซในบรรยากาศโลกที่บังไม่ให้แสงอาทิตย์ถูกสะท้อนกลับออกจากโลกได้ (ก๊าซเรือนกระจำ) ความร้อนจึงสะสมมากขึ้น ก๊าซที่เป็นปัญหาหนักคือ คาร์บอนไดออกไซต์ และก๊าซมีเทน ผลของมันคือทำให้ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลก

ชัชชาติ สุทธิพันธุ์ ซึ่งเป็นตัวเก็งว่าเขาจะได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้ว่าคนใหม่ เขามีนโยบายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสภาพอากาศของ กทม. หลายอย่าง เช่น จะลดการปล่อย “ก๊าซเรือนกระจก” จากทรัพย์สินของ กทม. ผ่านการสนับสนุนวิธีการจัดหาแหล่งพลังงานสะอาด พร้อมกับยกระดับอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพทางพลังงาน และนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ เช่น การส่งเสริมให้ติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์เซลล์ในอาคารต่างๆ หรือ “หลังคาสีขาวสะท้อนแสง” ที่ช่วยลดการดูดซับความร้อนเข้ามาในตัวอาคาร ส่วนสำหรับยานพาหนะคือการเปลี่ยนเป็นระบบไฟฟ้า (EV) หรือ hybrid ทั้งหมด และมีการติดตั้งที่ชาร์จ EV หรือจุดแลกแบตเตอรี่ ในพื้นที่ของ กทม. และลดปริมาณการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลในชั่วโมงเร่งด่วน

ผู้เขียนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีมากที่ ชัชชาติ ให้ความสนใจและมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาโลกร้อน และต้องการสร้างอากาศที่สะอาดและลดโลกร้อน แต่นโยบายดังกล่าวไม่พอต่อการแก้ปัญหานี้ และบางอย่างก็เป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุและไม่ถูกจุด เช่น การลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลในชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งมันแทบจะไม่ได้ผลอะไรหากรถยนต์ยังขับขี่ด้วยน้ำมันและก๊าซ แม้ว่าเรื่องการจัดการแก้ไขปัญหาโลกร้อน ผู้ว่าฯอาจจะไม่ได้มีอำนาจเพียงพอที่จะทำได้โดยลำพังเพราะบางเรื่องเกินอำนาจท้องถิ่น แต่สิ่งที่ผู้ว่า กทม. จัดการได้โดยอำนาจหน้าที่ของตัวมัน คือต้องพัฒนาระบบขนส่งมวลชนโดยเฉพาะรถเมล์ที่ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงแดดกับลม และต้องยกเลิกการใช้รถยนต์แบบเติมก๊าซและน้ำมัน และสร้างระบบขนส่งมวลชนที่เป็นพลังงานสะอาดมีจำนวนเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน คุณภาพดีและฟรีสำหรับทุกคน เพื่อจูงใจให้คนหันมาใช้รถขนส่งมวลชนมากขึ้น และต้องมีนโยบายเลิกใช้เชื้อเพลิงคาร์บอนในครัวเรือน

********************************

ถ้าเห็นด้วยกับแนวทาง “องค์กรสังคมนิยมแรงงาน” เชิญสมัครสมาชิก https://forms.gle/2apcTWX7sB9YCVhU6


Advertisement

ถ้าเห็นด้วยกับแนวทาง “องค์กรสังคมนิยมแรงงาน” เชิญสมัครสมาชิก

บทความอื่น ๆ 

Create a website or blog at WordPress.com