แปลและเรียบเรียงโดย สหายเข็มหมุด
“การนัดหยุดงานของแรงงานรถไฟเพิ่งจะเริ่มต้น ความโหดร้ายของพรรคอนุรักษ์นิยม (Tory) ทำให้ไม่เหลือตัวเลือกใดให้แรงงานรถไฟนอกจากการตอบโต้” พอลลี่ ทอยน์บี คอลัมม์นิสต์ของสื่อเดอะการ์เดียน กล่าว
“มันคือการต่อสู้ทางชนชั้น” นายมิกค์ ลินช์ เลขาธิการสหภาพแรงงานรถไฟ การเดินเรือ และการขนส่งแห่งสหราชอาณาจักร (RMT) กล่าว สื่อเดอะเดลี่ เมล์ ชื่นชมว่าเป็นสำนวนยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่หวังว่าจะกลายเป็นสงครามทางวัฒนธรรม คำว่า “การต่อสู้ทางชนชั้น” อาจฟังดูเป็นคำเก่า แต่เมื่อทุกภาคส่วนของรัฐถูกตัดงบและถูกบังคับให้รับเงินเดือนที่ลดลงเป็นปีๆ ในสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เมื่อนั้นเขาจะพบกับความหมายของมันอย่างแท้จริง แล้วสหภาพแรงงานควรจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ล่ะ? 12 ปีมาแล้วที่รัฐบาลล้มเหลวในการสร้างความมั่นใจให้กับลูกจ้าง เนื่องด้วยภาวะเงินเฟ้อ รัฐยากที่จะหวังให้พวกเราอยู่เฉยๆ ภายใต้สถานการณ์ที่กำลังคุกคามมาตรฐานความเป็นอยู่ของลูกจ้าง
สหภาพแรงงานรถไฟอังกฤษนัดหยุดงานครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 30ปี แต่นี่เป็นเพียงการต่อสู้ในส่วนแนวหน้าส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะภาครัฐส่วนอื่นๆ จะตามมาเร็วๆ นี้ เช่น ครู เจ้าหน้าที่สาธารณสุข (NHS) พนักงานไปรษณีย์ พนักงานศาล พนักงานภาคงานดูแล ผู้ช่วยฝ่ายกฎหมาย ฯลฯ ปกติแล้ว พนักงานรถไฟมักมีรายได้ดี เพราะพวกเขามีสหภาพแรงงานที่เข้มแข็ง รายได้เฉลี่ยของคนที่ออกมาประท้วงหยุดงานอยู่ที่ประมาณ 33,000 ปอนด์ ซึ่งรวมถึงพนักงานทำความสะอาด ช่างเครื่องจักรกล และคนงานวิศวกรรม แต่คนขับซึ่งมีรายได้ดีเข่นกันจะอยู่ในสหภาพแรงงานอีกแห่งหนึ่ง พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมนัดหยุดงาน ทว่ารัฐบาลนับรวมรายได้ของพวกเขาเพื่อไปเพิ่มค่าเฉลี่ยรายได้ของพนักงานรถไฟ บทเรียนสหภาพแรงงานคือถ้าเรามีสมาชิกทั่วทุกภาคส่วน พวกเราจะไม่มีทางได้ค่าจ้างที่ต่ำ และสัญญาจ้างที่ไม่ประกันชั่วโมงการทำงาน (zero-hours contracts) ซึ่งทำให้แรงงานจำเป็นต้องใช้ Tax credit หรือเงินที่สามารถใช้เพื่อชดเชยภาระทางภาษี เพื่อลดภาระจากค่าจ้างอันน้อยนิด แต่ทุกวันนี้สมาชิกสหภาพลดลงเกือบครึ่งตั้งแต่ช่วงปี 1970
แรงงานทั้งหลายเป็นผู้ช่วยประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตโรคระบาด เสี่ยงชีวิตตัวเองก่อนที่อังกฤษจะได้รับวัคซีนซึ่งตอนนี้พวกเขาอยู่แถวหน้าของการนัดหยุดงาน คนเหล่านี้แหละเป็นคนที่เราควรปรบมือให้ตั้งแต่หน้าประตูบ้านในช่วงวันแรกๆ ของการระบาดของโควิด-19 แต่ความเห็นอกเห็นใจและความรู้สึกขอบคุณจากเหตุผลข้างต้นไม่ส่งผลถึงบรรดารัฐมนตรี พวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงความเสียหายจากการลดเงินเดือนของแรงงานในภาครัฐ ตัวเลขแสดงการขึ้นค่าจ้างของภาคเอกชนสูงขึ้น 8% ในสามเดือนจนถึงเดือนเมษายน เปรียบเทียบกับภาครัฐ 1.5% ซึ่งเจ้าหน้ารัฐในหลายภาคส่วนล้วนมีทักษะการทำงานสูง เกือบสองเท่าของลูกจ้างภาครัฐทั้งหมดมีทักษะการทำงานสูงเทียบเท่ากับภาคเอกชน คนเหล่านี้ยังปฏิบัติหน้าที่ในสภาพการทำงานที่ย่ำแย่ด้วยแต่เงินเดือนของพวกเขายังคงต่ำ และขาดแคลนเจ้าหน้าที่ทั้งในงานบริการโรงพยาบาล การสอน งานภาคดูแล และภาคส่วนอื่นๆ ซึ่งก่อให้เกิดความเครียดในการทำงานอย่างมหาศาล ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า หากคนเหล่านี้เลือกที่จะลาออกแล้ว พวกเขาก็จะไม่กลับมาอีกเลย หากดูการเกษียณอายุ จะพบว่า เจ้าหน้าสูงวัยเกษียณอายุตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะความเหนื่อยล้า หากรัฐบาลกดค่าจ้างให้ต่ำลงเรื่อยๆ วิกฤตนี้จะสะเทือนจากภาคส่วนหนึ่งไปอีกภาคส่วนหนึ่งจนอาจไม่สามารถฟื้นฟูระบบให้กลับมาได้
เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา การประชุมของพรรคอนุรักษ์นิยม นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรให้คำมั่นสัญญาว่า พวกเราจะไม่มีทางย้อนกลับไปเป็นแบบอย่างโมเดลของประเทศที่ล้มเหลว ที่มีรายได้ค่าจ้างต่ำ การเติบโตต่ำ ทักษะและผลิดผลต่ำ ซึ่งยังมาจากแรงงานอพยพที่ไร้การควบคุม รัฐบาลขอให้นายสตาร์เมอร์ หัวหน้าพรรคแรงงานร่วมเจรจากับสหภาพแรงงานรถไฟ แต่นายไซมอน คลาร์ก เลขาธิการกระทรวงการคลัง กล่าวอย่างไม่จริงใจว่า “การเพิ่มบุคคลที่สามเข้าไปต่อรองเท่ากับเพิ่มความสับสน” ซึ่งไม่จริงเลย มันช่วยคลี่คลายปัญหามากกว่า
เกือบทุกภาคส่วนของหน่วยงานรถไฟที่รัฐควบคุม กระทรวงการคลังได้แบ่งสัดส่วนเงินอุดหนุนของรัฐที่มาจากเงินภาษี ขณะที่รายได้กระจายไปในทุกภาคส่วนของรัฐ กระทรวงการคลังอาจจะร้องขอให้หักลดค่าจ้างพิเศษในหมู่แพทย์ฝึกหัด ครู หรือคนเก็บขยะ เนื่องจากการหดตัวของงบสาธารณสุข โรงเรียน และสภาท้องถิ่น กระนั้นก็ยังสามารถจ่ายให้แรงงานได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ภาครัฐล่มสลายได้ รายได้ของแรงงานที่สมควรได้รับให้ทันกับอัตราเงินเฟ้อนั้นจะต้องเพิ่มอีก 10,000 ล้านปอนด์ กระทรวงการคลังวางงบไว้ที่ 27,000 ล้านปอนด์ ซึ่งมากกว่าปีก่อน อัตราเงินเฟ้อสูงมากซึ่งมีสาเหตุมาจากราคาเชื้อเพลิงโลก แน่นอนว่าไม่ได้มาจากการใช้จ่ายภายในประเทศ กระนั้น นายคลาร์ก เลขาธิการกระทรวงการคลังอังกฤษ กล่าวต่ออีกว่า เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ แรงงานควรรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถคาดหวังเงินเดือนที่สูงเท่าๆ กับอัตราเงินเฟ้อได้
แต่การต่อสู้ของแรงงานได้ถูกสื่อของฝ่ายขวากระหน่ำ ซึ่งเป็นสื่อของพรรคทอรี่ Allister Heath แห่งเทเลกราฟ ระบุว่า อังกฤษกำลังล่มสลาย ต้องขอบคุณความเชื่ออันล้มเหลวของพวกฝ่ายซ้ายหัวดื้อ ขณะที่ Trevor Kavanagh จากเดอะ ซัน ตำหนิว่า เป็นการก่อม็อบของสหภาพแรงงานมาร์กซิสต์ กลุ่มคนที่จะทำให้อังกฤษวุ่นวาย กระนั้นตอนนี้ก็เป็นแบบนั้นไปแล้ว ความวุ่นวายที่ไม่เคยมีมาก่อนในรัฐบาลไหน มองดูไปรอบๆ ตัว ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังล่มสลายหลังจากการใช้นโยบายลดสวัสดิการถึง 12 ปี โปรดมองดูหายนะที่เกิดจาก Brexit การรอคิวขอรับบริการในหน่วยงานรัฐต่างๆ ตั้งแต่หน่วยงานออกหนังสือเดินทาง ออกใบอนุญาต สนามบินที่ยาวขึ้น โปรดดูจำนวนของหลุมบ่อบนถนนหรือสภาพที่ขาดแคลนครูและเครื่องมือการเรียนการสอนในโรงเรียน เพื่อให้เห็นว่า บริการสำคัญๆ ของรัฐนั้นเบาบางยังไง มีสิ่งที่ยากจะเห็นด้วยตาแต่เริ่มชัดเจนขึ้นคือ ตัวเลขของเด็กๆ ที่กำลังหิวโหย จำนวนครอบครัวที่ขออาหารจากธนาคารอาหารและมีหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น และกำลังจะเผชิญภาวะขาดแคลนเชื้อเพลิงในฤดูหนาวที่จะถึงนี้
รัฐบาลหวังว่า การประท้วงนัดหยุดงานจะเบี่ยงเบนตัวเองออกจากการเป็นแพะรับบาปในสถานการณ์ที่ไม่มีอะไรดีขึ้น สัญญาการจ้างงานอันยาวนานหมดไปแสดงถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง นายสตาร์เมอร์ หัวหน้าพรรคแรงงาน ได้ตำหนิรัฐมนตรีที่ทำให้ประเทศพังพินาศ ฉวยโอกาสสูบกินจากความแตกแยกนี้ และวางแผนโฆษณาโจมตีแรงงานที่ประท้วงนัดหยุดงานแทนที่จะจรจากัน พรรคแรงงานควรใช้โอกาสนี้ยกระดับนโยบายการจ้างงานเพื่อเสริมสร้างพลังการปฎิวัติในที่ทำงาน
ตอนนี้ถึงเวลาที่สหภาพแรงงานจะเรียกร้องสิทธิแรงงานในสถานที่ทำงานทุกแห่ง พร้อมกับนัดหยุดงาน พรรคการเมืองควรทำข้อตกลงค่าจ้างที่เป็นธรรมในทุกภาคส่วน เพื่อเริ่มต้นทศวรรษใหม่ จากแรงงานสู่หุ้นส่วน พรรคการเมืองควรจะจัดการนายจ้างที่ขูดรีด ด้วยการยุติสัญญาจ้างที่ไม่ประกันชั่วโมงการทำงาน ยุติการไล่ออกและจ้างคนใหม่ หยุดขูดรีดแรงงานรับจ้างอิสระ ราเชล รีฟส์ ส.ส.พรรคแรงงานได้ให้คำมั่นไว้ว่า การจ้างงานโดยตรงจากรัฐ (Insourcing) โดยเปลี่ยนแรงงานสัญญาจ้างเหมาช่วง (outsource) ที่ถูกรัฐขูดรีด กลับมาประจำในภาครัฐ และนับตั้งแต่วันแรกของการทำงาน ลูกจ้างทุกคนต้องได้ค่าจ้างในวันลาป่วย ค่าเลี้ยงดูบุตร และได้รับการปกป้องหากถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
แต่หลายสิ่งที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ สหภาพแรงงานอ่อนแอ คนทำงานในภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครู หมอ และพยาบาลแบกความรับผิดชอบที่หนักหนาสาหัส ทำให้การนัดหยุดงานเป็นไปอย่างยากลำบาก ซึ่งรายได้พวกเขาสูญหายไปตั้งแต่ปี 2010 จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมรัฐบาลต้องปฏิบัติต่อคนเหล่านี้อย่างเป็นธรรม และควรดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ไม่ใช่ตำหนิคลื่นนัดหยุดงานที่กำลังจะมาถึง
ที่มา Polly Toynbee. (20 มิ.ย. 65). The rail strikes are just the start. Tory cruelty has left workers no choice but to fight back. ใน The Guardian
*******************************
ถ้าเห็นด้วยกับแนวทาง “องค์กรสังคมนิยมแรงงาน” เชิญสมัครสมาชิก https://forms.gle/2apcTWX7sB9YCVhU6