โดย ทาเคโอะ ยูกิ
1.”แนวมาร์กซิสต์ล้าสมัย มาร์กซ์เขียนหนังสือไว้นานแล้ว ตั้งแต่ค.ศ.1848 แต่ทุนนิยมเปลี่ยนไปโดยเฉพาะในยุคโลกาภิวัฒน์
หลักสำคัญในวิธีการเข้าใจโลกของชาวมาร์กซิสต์คือ การใช้วิภาษวิธีซึ่งเน้นว่าทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลงเสมอดังนั้นนักมักซิสไม่เคยคิดว่าโลกสมัยนี้เหมือนโลกสมัยมาร์กซ์เราก็มีพัฒนาการทฤษฎีตลอดแต่อย่างไรก็ตามมาร์กซ์กับเองเกลส์ได้ทำนายอนาคตของทุนนิยมว่าจะแพร่กระจายไปทั่วโลกและมีปรากฏการณ์ของโลกาภิวัตน์ (อ่านได้จากแถลงการณ์พรรคคอมมิวนิสต์) ในยุคปัจจุบัน ทุนนิยมสร้างความเหลื่อมล้ำผ่านการกดขี่ สร้างสงครามและวิกฤติเศรษฐกิจ การต่อสู้เพื่อสังคมนิยมจึงเป็นเรื่องจำเป็น
2.”สังคมนิยมเป็นแนวคิดเผด็จการ ทุนนิยมดีกว่าเพราะสร้างประชาธิปไตย” เผด็จการที่เห็นกันในโลกและเรียกตัวเองว่าสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์เป็นแนวสตาลิน-เหมา ที่บิดเบือนแนวมาร์กซิสต์หลังการพ่ายแพ้ของการปฏิวัติรัสเซีย ส่วนทุนนิยมไม่เคยเป็นประชาธิปไตยเต็มใบเพราะประชาชนคุมเศรษฐกิจไม่ได้ คนที่คุมเศรษฐกิจคือชนชั้นนายทุน มันเป็นได้แค่ประชาธิปไตยของชนชั้นนายทุน ไทยซึ่งเป็นสังคมทุนนิยมก็ยังไม่มีประชาธิปไตยทางการเมืองเลย
3.”การที่พรรคคอมมิวนิสต์ล่มสลายในยุโรปตะวันออกและจีนกับเวียดนามหันมาใช้ทุนนิยมพิสูจน์ว่าสังคมนิยมใช้ไม่ได้” สิ่งที่ล่มสลายไปไม่ใช่ “สังคมนิยม” แต่เป็น “เผด็จการทุนนิยมโดยรัฐ” ที่ปิดประเทศระดมทุนภายในและบริหารทุนนิยมโดยข้าราชการแดง สิ่งที่เปลี่ยนไปคือวิธีบริหารทุนนิยมจากการเน้นรัฐไปสู่กลไกตลาดเสรี แต่วิกฤติเศรษฐกิจโลกปัจจุบันก็พิสูจน์ว่ากลไกตลาดเสรีสร้างวิกฤติเช่นกัน และรัฐในประเทศตะวันตกก็ต้องเข้าแก้ปัญหาด้วยการอุ้มธนาคาร กระตุ้นเศรษฐกิจและจ่ายหนี้แทนบริษัทเอกชน กลไกตลาดของทุนนิยมนอกจากจะสร้างวิกฤติเป็นประจำแล้ว ซึ่งทำลายพลังการผลิตอย่างสิ้นเปลืองอย่างเป็น ระบบ ระบบ “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” ไม่สามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐานของคนส่วนใหญ่ในโลกได้เลย
4.”สังคมนิยมอุดมการณ์เกินไปเพราะมนุษย์เกิดมาไม่เท่าเทียมกันต้องมีผู้ใหญ่ผู้น้อยอยู่ดี” มนุษย์เกิดมาไม่เหมือนกันนั่นคือความงดงามของมนุษย์ แต่ความแตกต่างนั้นนี้ไม่ได้หมายความว่ามนุษย์บางคนดีกว่าหรือเก่งกว่าคนอื่นได้ทุกเรื่องเพราะบางคนอาจเก่งในด้านคณิตศาสตร์ การใช้ภาษา ศิลปะหรือบางคนอาจเก่งในด้านการเข้าใจคนอื่น การบริหารจัดการ หรือในเรื่องอื่นๆ ที่มีอีกมากมายดังนั้น มันไม่มีความจำเป็นเลยที่จะมีผู้ใหญ่กับผู้น้อย ทุนนิยมและระบบชนชั้นทำลายความสร้างสรรค์ของคนส่วนใหญ่เพราะกีดกันการพัฒนาตนเองในมนุษย์ในรูปแบบหลากหลาย เช่น กฎหมายลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร คนที่มีโอกาสในชีวิตจริงเป็นแค่คนรวยหรือคนมีอำนาจเท่านั้นและด้วยปัจจุบัน คนรวยเพราะบรรพบุรุษเคยปล้นหรือเอาเปรียบคนอื่นมา ความร่ำรวยไม่ได้เกิดจากการขยันทำงาน ถ้าไม่เชื่อก็ไปดูสภาพความเป็นอยู่ของกรรมกรโรงงาน หรือเกษตรรายย่อย ที่ต้องทำงานหนักตลอดชีวิต
5.”แนวมาร์กซิสต์ เน้นวัตถุและระบบเศรษฐกิจในลักษณะกลไกไม่สนใจจิตใจมนุษย์เหมือนศาสนา” แนวคิดมาร์กซิสต์พิจารณาทุกแง่ทุกมุมของโลกมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐศาสตร์ การเมือง ประวัติศาสตร์ ศิลปะ วิทยาศาสตร์ ปรัชญาศาสนาหรือความรู้สึกของคน เช่น ในเรื่องสภาพความแปลกแยกเป็นต้น แต่ที่คนอาจเชื่อว่าแนวมาร์กซิสต์เน้นแต่วัตถุและระบบเศรษฐกิจในลักษณะกลไกไม่สนใจจิตใจมนุษย์เหมือนศาสนา ก็เพราะแนวคิดสตาลิน-เหมาของพรรคคอมมิวนิสต์ในอดีตเคยมีลักษณะเช่นนั้น
6.”แนวมาร์กซิสต์เน้นแต่ชนชั้นละเลยการกดขี่ทางเพศ ชนเผ่าหรือสีผิว” ไม่จริง แนวคิดมาร์กซิสต์มองว่าระบบชนชั้นในสังคมนำไปสู่การกดขี่ในรูปแบบอื่นๆ เช่น ทางเพศ เชื้อชาติหรือเรื่องสีผิว โดยที่เราไม่สามารถแยกเรื่องต่างๆ เหล่านี้ออกจากกันได้ ดังนั้น ชาวมาร์กซิสต์จะต่อสู้กับการกดขี่ทางชนชั้น การกดขี่ทางเพศและการกดขี่ทางเชื้อชาติหรือสีผิวต่างๆ พร้อมกัน (มีต่อฉบับหน้า)
********************************
ถ้าเห็นด้วยกับแนวทาง “องค์กรสังคมนิยมแรงงาน” เชิญสมัครสมาชิก https://forms.gle/2apcTWX7sB9YCVhU6