โดย คิริฮาระ
การประท้วงนัดหยุดงานทุกที่ต่างมีความสำคัญ แต่การต่อสู้ในระบบ “บริการสุขภาพแห่งชาติ” หรือ NHS (National Health Service) มีนัยสำคัญพิเศษ เพราะมันเป็นการส่งเสียงว่า รัฐบาลพรรคอนุรักษนิยมกำลังทำลายระบบบริการสุขภาพและไม่สนใจชีวิตของชนชั้นแรงงานเลย ระบบสุขภาพกำลังขาดแคลนบุคลากรและไม่สามารถรับบุคลากรเพิ่มได้เพราะรัฐบาลไม่ยอมจ่ายและยังมีปัญหาค่าจ้างไม่เป็นธรรมอีกด้วย การต่อสู้ของบุคลากรทางการแพทย์ สามารถเป็นจุดสนใจของคนที่โกรธเกรี้ยวจากการที่ต้องเสียสละให้กับวิกฤตที่พวกเขาไม่ได้ก่อเลย
แต่บุคลากรเหล่านี้จะชนะได้อย่างไร? และทำต้องอะไรต่อ? เป็นคำถามที่ถูกตั้งขึ้นหลังจากการนัดหยุดงานของพยาบาลในวันพุธที่ 18 และในวันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม และยังมีการนัดหยุดงานของคนขับรถพยาบาลราว 25,000 คนอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ยังมีบางแผนกที่เปิดให้บริการในกรณีที่มีเคสรุนแรง
เราจะเห็นความไม่พอใจได้อย่างชัดเจนในวันพฤหัสที่โรงพยาบาลคิงส์คอลเลจทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน นอกจากนี้ยังมีบรรยากาศการสมานฉันท์ที่ยอดเยี่ยม พยาบาลที่นัดหยุดงานเดินขบวนประท้วงตามถนนเพื่อไปหาการประท้วงของคนงานขับรถบัสที่เขตแคมเบอร์เวลล์ ซึ่งพนักงานขับรถบัสที่นั่นกำลังต่อสู้เรียกร้องค่าแรงเพิ่ม คนงานรวมกลุ่มกันอย่างทันควันและตะโกนอย่างพร้อมเพรียงว่า “แรงงานที่รวมตัวกันจะไม่มีวันพ่ายแพ้” ในขณะที่รถยนต์ที่ผ่านไปมาก็บีบแตรส่งเสียงสนับสนุน คนขับรถบัสบางส่วนก็มาร่วมเดินขบวนกับพนักงาน NHS เพื่อไปร่วมการประท้วงที่คิงส์คอลเลจ มีเสียงแตรต้อนรับจากรถยนต์ รถบัส รถพยาบาลและรถบรรทุกตลอดทาง มันเป็นสัญญาณของแรงสนับสนุนจากสาธารณชนจำนวนมาก เมื่อพวกเขากลับมาถึงที่คิงส์คอลเลจ พวกเขาก็ร่วมกันตะโกนว่า “พวกเราต้องการอะไร? เราต้องการค่าจ้างที่เป็นธรรม! แล้วเราจะได้มันมาอย่างไร? นัดหยุดงาน!”
ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อของประเทศแตะที่ 10% (ณ เดือนพ.ย.65) ค่าครองชีพสูงขึ้นแต่ยังไม่มีการขึ้นค่าจ้าง ผู้นำสหภาพแรงงาน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขบางส่วนที่ได้รับค่าจ้างต่ำสุด รวมถึงพนักงานรับโทรศัพท์และคนขับรถ ค่าจ้างของพวกเขาใกล้จะต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศ ดังนั้น พวกเขาจึงเรียกร้องเพิ่มค่าจ้างให้เกินอัตราเงินเฟ้อ 5% นั่นคือขอขึ้น 17.6% แต่รัฐบาลกล่าวว่า ไม่มีเงินพอ ในขณะที่ เจ้าของบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 100 แห่งของสหราชอาณาจักรซึ่งมีหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 23% ในปีนี้ ซึ่งรัฐจะต้องเก็บภาษีจากคนรวย เพราะมีความมั่งคั่งจำนวนมหาศาลที่ถือครองโดยคนจำนวนน้อยที่รัฐสามารถเก็บภาษีเพื่อให้บริการสาธารณะแก่ประชาชน ปัจจุบันมีมหาเศรษฐีจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ในอังกฤษคือ 177 คน มีความมั่งคั่งรวมกัน 653 พันล้านปอนด์ (653,000 ล้านปอนด์) อีกทั้ง ความมั่งคั่งของบุคคลที่ร่ำรวยที่สุด 250 คนของประเทศเพิ่มขึ้นเกือบ 711 พันล้านปอนด์ หากจัดเก็บภาษีความมั่งคั่งเพียง 2% ของคนเหล่านี้ จะเพิ่มเงินรายได้ให้แก่รัฐ 1.4 หมื่นล้านปอนด์ อีกทั้ง รัฐบาลยอมรับว่าสูญเสียเงินราว 3.5 หมื่นล้านปอนด์ทุกปีจากการที่บริษัทและบุคคลธรรมดาไม่จ่ายภาษี และมีการประมาณการว่าจะสูญเสียอยู่ระหว่าง 5.9 หมื่นล้านถึง 1.2 แสนล้านปอนด์ต่อปี เพราะมีการช่วยให้คนรวยสามารถหลีกเลี่ยงภาษีได้
จะมีการนัดหยุดงานครั้งใหญ่ในวันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ที่จะถึง ซึ่งจะมีการนัดหยุดงานของครู ข้าราชการ คนขับรถไฟและอื่น ๆ เพิ่มเติม และจากความรู้สึกแห่งความสมานฉันท์นี้มีนัยว่าในการนัดหยุดงานวันที่ 1 กุมภาพันธ์จะมีความสำคัญอย่างยิ่ง แมทท์ พยาบาลแผนกจิตเวชกล่าวว่า “เราต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน ท้ายที่สุดแล้วพวกเราก็มีปัญหากับรัฐบาลเดียวกัน เป็นรัฐบาลที่พยายามขัดขวางสิทธิในการนัดหยุดงานของเรา มันทำให้เราโกรธมากยิ่งขึ้นและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นด้วย”
ถ้าเห็นด้วยกับแนวทาง “องค์กรสังคมนิยมแรงงาน” เชิญสมัครสมาชิก https://forms.gle/2apcTWX7sB9YCVhU6
สังคมนิยมแรงงาน 