วันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม 2566
เป็นอีกครั้งที่สงครามกำลังพรากชีวิตผู้คนนับล้านออกจากกัน มีศพเกลื่อนถนน ไฟไหม้โรงพยาบาล ตลาด และมีการทิ้งระเบิดเต็มเมืองหลวง ประชาชนคนธรรมดาต้องจัดสรรเวชภัณฑ์ หาน้ำและอาหารกันเอง และเสี่ยงชีวิตท่ามกลางการสู้รบเพื่อให้โครงสร้างพื้นฐานยังดำเนินต่อไปได้
สงครามครั้งนี้ ต่างจากสงครามในยูเครน เพราะฝ่ายที่ก่อสงครามในซูดานต่างก็มาจากภายในประเทศเดียวกันกับพลเรือนซูดาน ฝ่ายที่ก่อสงครามฝ่ายหนึ่งคือ กองกำลังสนับสนุนเคลื่อนที่เร็ว เป็นกองกำลังติดอาวุธอันโหดเหี้ยมที่มาจากกองกำลัง Janjaweed และอีกฝ่ายคือ กองทัพซูดาน ซึ่งผู้นำของกลุ่มเหล่านี้ มีส่วนในการก่ออาชญากรรมต่อประชาชนชาวซูดาน มานานแล้ว นับตั้งแต่ การสังหารใน เมืองดาร์ฟูร์ พอร์ตซูดาน ไปจนถึงถนนในเมืองคาร์ทูม และตอนนี้ พวกโจรและฆาตกรเหล่านี้กำลังต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์จากการยึดอำนาจมา
เช่นเดียวกับในยูเครน ความน่าสะพรึงกลัวของสงครามครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ในระดับท้องที่เดียวเท่านั้น สิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากพลังที่อยู่ลึกเข้าไปในใจกลางระบบทุนนิยม ซึ่งทองคำของซูดานนั้น ไหลเวียนผ่านตลาดในอ่าว ผลผลิตปศุสัตว์และดินที่อุดมสมบูรณ์ในซูดานยังเลี้ยงคนนับล้านที่อยู่นอกเหนือพรมแดน แต่หนึ่งในสามของประชากรซูดานยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและยังสร้างความมั่งคั่งอย่างไม่น่าเชื่อให้กับคนส่วนน้อย และคนส่วนน้อยนี้ก็รับใช้ผลประโยชน์ของชนชั้นปกครองของรัฐที่ร่ำรวยกว่าและมีอำนาจมากกว่ารัฐของตนเอง ตั้งแต่การส่งชายหนุ่มไปสังเวยในสงครามของซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในเยเมน มีส่วนในการสนับสนุนเผด็จการอียิปต์ในการแข่งอำนาจกับเอธิโอเปียเหนือน่านน้ำของแม่น้ำไนล์ จนถึงการทำหน้าที่เป็นตัวแทนผู้พิทักษ์ชายแดนให้กับผู้นำของสหภาพยุโรป (ผู้สนับสนุนกองทุนแก่ กองกำลังสนับสนุนเคลื่อนที่เร็ว) และสหราชอาณาจักร
รัฐที่แข่งขันกันในภูมิภาคอันกว้างใหญ่และมหาอำนาจ ณ ศูนย์กลางของระบบโลก ล้วนมือเปื้อนเลือดของชาวซูดานทั้งสิ้น รัฐเหล่านี้ให้การสนับสนุนด้านอาวุธแก่พวกอันธพาลในขณะที่สั่งสอนฝ่ายพลเรือนของซูดานและขบวนการปฏิวัติถึงความจำเป็นในการนั่งลงและเจรจาแบ่งปันอำนาจกับพวกฆาตกร
และตอนนี้รัฐต่างๆ ในสหภาพยุโรปและอังกฤษกำลังทวีความรุนแรงในการทำสงครามกับผู้ลี้ภัยชาวซูดาน โดยปฏิเสธไม่ให้พวกเขาเดินทางผ่านช่องทางที่ปลอดภัย และเพิ่มการรณรงค์ต้านผู้อพยพอันอัปยศ ซึ่งกระตุ้นให้กลุ่มขวาจัดผงาดขึ้นมา ซึ่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับการยื่นมือต้อนรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครน นี่แสดงให้เห็นถึงความเสแสร้งของรัฐจักรวรรดินิยมในเรื่องสงครามและผู้อพยพ
ขบวนการปฏิวัติคือทางเลือกเดียวที่แท้จริงสำหรับการนองเลือดครั้งนี้ ซึ่งขบวนการนี้ได้ประสบความสำเร็จมามากมายนับตั้งแต่การล่มสลายของเผด็จการโอมาร์ อัล-บาเชียร์ในปี 2552 และความสมานฉันท์ระหว่างประเทศของชนชั้นแรงงานเป็นกุญแจสำคัญในการสนับสนุนขบวนการปฏิวัตินี้
จากเถ้าถ่านของสงครามกลางเมืองหลายทศวรรษ ท่ามกลางความหิวโหยและความยากจนสำหรับคนธรรมดา ทั่วทั้งซูดาน ได้หล่อหลอมรูปแบบองค์กรนำตนเองจากเบื้องล่างในระดับที่เราไม่เคยเห็นมานานหลายปี คณะกรรมการการประท้วง สหภาพแรงงานอิสระ และการรณรงค์เรียกร้องสิทธิผู้ลี้ภัยและความยุติธรรมด้านสิ่งแวดล้อมได้ปลุกระดมคนหลายล้านคนเพื่อต่อต้านเผด็จการ ทั้งยังได้ร่วมกันสร้างกฎบัตรที่เสนอการปฏิรูปประชาธิปไตยที่กว้างขวางและการกระจายความมั่งคั่ง และบ่อยครั้ง ก็สามารถเข้าถึงพื้นที่ที่ปลอดการคุกคามจากรัฐ เพื่อการจัดหาอาหาร ที่พักอาศัย ความช่วยเหลือทางการแพทย์ ไฟฟ้าและน้ำสำหรับประชาชนทั่วไป
นี่คือที่ที่สามารถพบแหล่งพลังอำนาจเพื่อท้าทายไม่เพียงแค่พวกนายพลผู้ก่อสงครามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชนชั้นปกครองซูดานในวงกว้าง พันธมิตรในภูมิภาคนี้และที่อื่น ๆ และทำลายรัฐที่ทำสงครามกับประชาชนซูดาน
ความสมานฉันท์กับการปฏิวัติซูดานเป็นภารกิจเร่งด่วนสำหรับนักสังคมนิยม คนงาน และนักสหภาพแรงงานทั่วโลก ความสยดสยองในซูดานก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ยืนยันว่าระบบทุนนิยมไม่ได้ให้อะไรกับคนงานและผู้ยากไร้ในโลก มันมอบเพียงสงคราม ความยากจน การเหยียดเชื้อชาติ และการล่มสลายของสิ่งแวดล้อม
ความสมานฉันท์แด่ผู้ลี้ภัยชาวซูดาน จงเปิดพรมแดน!
หยุดเครื่องจักรสงคราม ไม่ส่งอาวุธหรือการสนับสนุนใด ๆ แก่นายพลและพันธมิตรของพวกมัน!
ชัยชนะแด่การปฏิวัติซูดาน!
คณะประสานงานองค์กรสังคมนิยมสากล 5 พฤษภาคม 2566
ต้นฉบับภาษาอังกฤษ https://internationalsocialists.org/announcements/ist-statement-on-the-war-in-sudan